สวัสดีครับ พบกับบทความใหม่ใน Better Life Blog
นำเสนอสิ่งดี ๆ สู่ชีวิต ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ
มะเร็งเต้านม
เต้านม..เป็นอวัยวะในร่างกายของมนุษย์ที่บ่งบอกถึงความเป็นสตรีเพศได้อย่างชัดเจน และถือเป็นอวัยวะที่ทำให้ผู้หญิงเราดูดี บางครั้งอาจตกเป็นเป้าสายตาของใครต่อใคร แต่คงเป็นเรื่องเศร้า ถ้าเราไม่ดูแลเต้าให้ดี เพราะความผิดปกติที่สามารถเกิดขึ้นกับเต้านมนั้น ไม่ใช่จำกัดอยู่แค่เพียงโรคมะเร็งเต้านมอย่างเดียว แต่ยังมีอาการอื่นๆ อีกมากมาย
เต้านมประกอบไปด้วย ต่อมน้ำนม (lobules) ประมาณ ๑๕-๒๐ กลุ่ม แต่ละกลุ่มจะมีท่อน้ำนมไปยังหัวนม (ducts) ซึ่งทั้งสองส่วนนี้ จะถูกล้อมรอบไปด้วยเนื้อเยื่อ ไขมัน หลอดเลือด และท่อน้ำเหลืองอยู่ใต้ผิวหนัง หากคลำดูจะรู้สึกว่ามีปุ่ม มีก้อนเล็กๆ ไม่เรียบ และเนื่องจากว่าเนื้อนมของแต่ละฅน มีความหนาแน่นไม่เท่ากัน ซึ่งอาจพบความผิดปกติได้หลายแบบ
ก้อนที่คลำพบที่เต้านมนั้น อาจจะเป็นก้อนที่เป็นมะเร็งหรือไม่เป็นมะเร็งก็ได้ โดยส่วนใหญ่มักไม่ใช่มะเร็ง เช่น การที่เนื้อนมหนาตัวขึ้น เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงภายใต้อิทธิพลของฮอร์โมนเพศหญิง หรืออาจเป็นเนื้องอกของเต้านม หรืออาจเป็น ถุงน้ำที่เรียกว่า ซีสต์(Cysts) ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุของก้อนที่ไม่ใช่มะเร็ง
ซีสต์ (Cysts) คือถุงน้ำที่เกิดขึ้นที่เต้านม ถ้าเป็นซีสต์ธรรมดา เราเรียกว่า Simple Cysts โดยส่วนใหญ่แล้วจะไม่กลายเป็นมะเร็ง ถ้าไม่มีอาการ ก็ไม่จำเป็นต้องรักษา แต่ถ้าเป็นซีสต์ก้อนใหญ่และมีอาการเจ็บที่เต้านม ก็จะรักษาโดยการเจาะดูดเะอาน้ำด้านในออก อาการก็จะดีขึ้น ประมาณ ๕๐% ถุงน้ำจะหายไปเลย ไม่เป็นขึ้นมาอีก อีก ๕๐% ก็มีโอกาสที่ซีสต์จะกลับมาใหม่ได้ ก็ยังเจาะเอาน้ำออกได้อีก ๑-๒ ครั้ง ถ้ายังเจ็บอยู่หรือมีก้อนขึ้นอยู่เรื่อยๆ หมอก็จะแนะนำให้ผ่าตัดเอาออก
ยังมีซีสต์อีกประเภทหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า Complicated Cysts หรือ Complex Cysts คือ ซีสต์ที่ในถุงนอกจากจะมีน้ำแล้วยังมีเนื้ออยู่ข้างใน ซึ่งจำเป็นต้องได้เนื้อมาตรวจให้ชัดเจนว่ามีสาเหตุมาจากมะเร็งหรือไม่ ดังนั้นหากพบซีสต์ชนิดนี้ แพทย์จะแนะนำให้เจาะหรือผ่าเอาซีสต์ก้อนนั้นไปตรวจ
เนื้องอก ชนิดไม่ร้ายแรง เรียกว่าไฟโบรอดีโนมา (Fibroadenoma) มีลักษณะเป็นก้อน คลำดูจะรู้สึกว่ามันกลิ้งไปมาได้ ในบางคนสามารถยุบหายได้เอง ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด ยกเว้นก้อนนั้นมีขนาดเกินกว่า ๒ ซม. หรือโตไวผิดปกติ จึงต้องรักษาโดยการผ่าตัดเอาก้อนเนื้องอกนี้ออก
นอกจากซีสต์ และเนื้องอก ยังมีอาการอื่นๆ อีกหลายรายการ ที่หลายคนอาจสงสัยว่าจะเป็นมะเร็งหรือไม่ เช่น..
ของเหลวที่ไหลออกจากหัวนม มีได้หลายอย่าง บางครั้งอาจเป็นน้ำ หรืออาจมีสีกล้ายเลือด ข้อสังเกกตุที่สำคัญในกรณีที่ของเหลวออกจากเต้านม แล้วสงสัยว่าเป็นมะเร็ง จะต้องออกจากเต้านมข้างเดียว ท่อๆ เดียว และหลั่งออกมาเองโดยไม่ต้องบีบเค้น หากไม่ใช่มะเร็ง มักจะออกจากเต้านมทั้งสองข้าง หรือข้างเดียว แต่ออกหลายๆ จุด ซึ่งแพทย์จะแนะนำให้ไปตรวจเพื่อหาสาเหตุ หรือตัดเอาท่อที่เป็นตสาเหตุของการมีของเหลวออกจากหัวนมนั้นออก เพื่อนำไปพิสูจน์
ฝีที่เต้านม ส่วนใหญ่มักจะพบในหญิงหลังคลอด ระหว่างท้อง หรือระหว่างให้นมลูก ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายมีการสร้างน้ำนมมาก จึงทำให้มีโอกาสติดเชื้อได้มากกว่า สังเกตุเห็นได้จากการอักเสบ เจ็บ ปวด บวม แดงร้อนบริเวณที่เป็น ซึ่งควรรีบพบแพทย์
ผิวหนงอักเสบ ลอก บริเวณหัวนม หรือปานนม เช่น มีน้ำแฉะๆ หรือบางครั้งแห้งเป็นสะเก็ด แล้วลอกหาย อาจเป็นอาการทีี่สื่อมะเร็งเต้านมได้เหมือนกัน แต่พบได้น้อยมาก เมื่อตรวจโดยแมมโมแกรมแล้วไม่พบความผิดปกติ ก็ทำการรักษาตามแบบผิวหนังอักเสบ อาการควรจะดีขึ้นและหายไป
แต่หากทานยาแล้วไม่หาย กลับมาเป็นอีก หรือ มีอาการเป็นๆ หายๆ อาจมีอาการมะเร็งที่ผิวหนัง เรียกว่า Paget's Decisea คือ มีเซลล์มะเร็งซ่อนอยู่ในผิวหนัง ซึ่งเป็นเซลล์ผิดปกติ (Paget Cell) ซึ่งจะต้องส่งชิ้นเนื้อตรวจหามะเร็งต่อไป
ตบนมเพิ่มไซส์อันตรายหรือไม่ โดยหลักการ การตบนมไม่ส่งผลให้เกิดมะเร็งเต้านม แต่ข้อควรระวัง คือ หากตบไปพบบางจุดแล้วทำให้เนื้อนมได้รับบาดเจ็บ อาจทำให้เกิดโรค เซลล์ไขมันตาย (fat necrosis) การบาดเจ็บนี้ เมื่อเวลาที่หายจะทำให้เนื้อเยื่อเป็นลักษณะพังผืด เมื่อแมมโมแกรม พบลักษณะสงสัยคล้ายมะเร็ง ตัดก้อนเนื้อส่งตรวจหามะเร็ง ซึ่งในบางครั้งอาจทำให้เจ็บตัวฟรี
คุณหมอย้ำนักย้ำหนา ก็คือการดูแลเต้านมของเราให้ดี ในผู้หญิงอายุ ๔๐ ปีขึ้นไป ควรตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง ดูแลเรื่องอาการกินให้ดี ลดไขมัน ลดสัตว์เนื้อแดง ลดอาหารจำพวกปิ้ง ย่าง ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ ทีสำคัญหากพบว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับเต้านม ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที อย่าปล่อยโอกาสรักษาให้หายขาดหลุดลอยไป เพราะรู้เร็ว รักษาก่อน และรักษาหายขาดได้นะครับ
สิ่งสำคัญที่คุณหมออยากฝากไว้ เนื่องจากในปัจจุบันมีการโฆษณ๖าชวนเชื่อ เรื่องการรักษามะเร็งเต้านม ด้วยสมุนไพรกันอย่างแพร่หลาย แต่การรักษาด้วยวิธีนี้ยังไม่มีผลการวิจัย ที่รับรองได้อย่างแน่ชัด จึงอยากให้ศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ ก่อนตัดสินใจ หากพลาด อาจทำให้เสียเวลาและสียโอกาสในการรักษาที่ดี และหายขาดได้นะครับ
คัดลอกบางส่วน จากบทความหนังสือ aigle vol.34 October 2013
โดย.. รศ.นพ.วิชัย วาสนสิริ ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งเต้านม โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท
@Nuttanun Wung ผู้คัดลอก
เซียงเงี๊ยบฮ้อ ๐๖
http://bit.ly/เซียงเงี๊ยบฮ้อ
http://bit.ly/ศิษย์เก่าพณิชยการพระนคร
http://facebook.com/lagone8888
http://twitter.com/NuttanunWung
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น